รับน้อง
คำว่า ประเพณี ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต อธิบายว่าเป็นคำภาษาสันสกฤตว่า ปฺรเวณิ (อ่านว่า ปฺระ -เว-นิ) ใช้หมายถึงสิ่งที่นิยมถือประพฤติปฏิบัติสืบ ๆ กันมาจนเป็นแบบแผน
ดังนั้น รับน้อง
คงอยู่ในความหมายที่ว่า เพราะเป็นสิ่งที่ปฏิบัติสืบเนื่องมานมนาน
และการวิพากษ์วิจารณ์รับน้องก็ถือว่าเป็นประเพณีที่ตีคู่มากันมา
เพราะสืบเนื่องขับเคี่ยวกันมานานนมไม่แพ้กันกิจกรรมรุนแรงวัดใจ
หรือการแสดงอำนาจขู่เข็ญ ของรุ่นพี่ อย่างเช่นเร็วๆ นี้ที่มีภาพข่าวกิจกรรมรับน้องออกมาเป็นชายหญิงคล้ายจูบกัน
หรือการประจานน้องในแง่มุมต่างๆ เป็นสิ่งที่เห็นมาทุกยุคทุกสมัย
ข้ออ้างที่รุ่นพี่ใช้เพื่อกระทำต่างๆ
มักหนีไม่พ้น ความรักความห่วงใยที่มีต่อน้อง หรืออ้างฝึกความอดทนอดกลั้น
อ้างฝึกภูมิต้านทานเพื่อให้น้องไปอยู่ในโลกความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่าเป็นสิ่งที่ทำมาทุกยุคทุกสมัย
คำถามคือ
มันจริงอย่างที่รุ่นพี่เหล่านั้นว่าหรือไม่?
อาจกล่าวได้ว่า “หนุ่มหน่ายคัมภีร์” ผลงานวัยฉกรรจ์ ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ
เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เนื้อหาต่อกรต่อต้านระบบรับน้องในมหาวิทยาลัย เพราะฉบับพิมพ์ครั้งแรกพิมพ์ใน
ปี พ.ศ. 2512 ซึ่งเป็นยุคที่นักศึกษานิยมเรื่องราวแนวสายลมแสงแดด
เมื่อเอาเครื่องคิดเลขมานับ
จากฉบับพิมพ์ครั้งแรกจนถึงวันนี้ กินเวลายาวนาน ร่วม 48 ปี ระบบรับน้องก็ยังอยู่
ข่าวเหยื่อความรุนแรงจากรับน้องมีให้เห็นราวกับงานประเพณีถ้านายทองปน บางระจัน
ตัวเอกในเรื่องมาอยู่ในยุคปัจจุบัน คงนั่งขำแห้งๆ
เพราะสังคมรับน้องในหนังสือและปัจจุบันแทบไม่ต่างกันเลย
......................................................................................................
หนุ่มหน่ายคัมภีร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น